อวัยวะที่เป็นทางเดินอาหาร ได้แก่ 1. 1 ปากและโพรงปาก ( Mouth and mouth cavity) ประกอบด้วยขากรรไกร ( Jaw) บนและขากรรไกรล่าง เพดานแข็ง เพดานอ่อน ฟัน ลิ้น และต่อมน้ำลาย ภาพที่ 3. 2 ภาพแสดงปากและอวัยวะในโพรงปาก ปาก ( Mouth) เป็นอวัยวะส่วนแรกของระบบทางเดินอาหาร มีหน้าที่เป็นทางเข้าของอาหารเมื่ออาหารเข้าสู่ปาก จะถูกบดด้วยฟัน มีลิ้นช่วยคลุกเคล้าอาหารให้เข้าน้ำลาย ฟัน ( Teeth) มีหน้าที่ในการตัด ฉีก และบดอาหาร ซึ่งฟันแท้แบ่งออกเป็น 4 ชนิดตามลักษณะรูปร่างและหน้าที่ คือ ฟันตัด( Incisor) ฟันฉีก( Canine) ฟันกรามหน้า( Premolar) ฟันกรามหลัง( Molar) ภาพที่ 3. 3 แสดงตำแหน่งฟันทั้ง 4 ชนิด( Incisor, Canine, Premolar และ Molar) ฟันของคนเรามี 2 ชุด คือ 1. ฟันน้ำนม ( Temporary teeth) เป็นฟันชุดแรก มี 20 ซี่ จะเริ่มปรากฏให้เห็นเมื่ออายุประมาณ 6 เดือน เริ่มหักเมื่ออายุประมาณ 6 ขวบ สูตรฟันน้ำนมของคนเฉพาะ 1 / 4 ของปาก คือ I: C: PM: M คือ 2: 1: 0: 2 2. ฟันแท้ ( Permanent teeth) เป็นฟันชุดที่ 2 มีจำนวน 32 ซี่ จะงอกครบเมื่ออายุประมาณ 13 ปี สูตรฟันแท้ของคนเฉพาะ 1 / 4 ของปาก คือ I: C: PM: M คือ 2: 1: 2: 3 โครงสร้างของฟันประกอบด้วย ตัวฟัน( Crown) จะมีสารเคลือบฟัน( Enamel) เป็นสารที่มีความแข็งเนื้อแน่นมาหุ้มอยู่ช่วยไม่ให้ฟันผุง่าย ซึ่งถัดจากสารเคลือบฟันเข้าไปก็จะเป็นเนื้อฟัน( Dentine) ต่อจากเนื้อฟันจะเป็นโพรงฟัน( Pulp cavity เป็นบริเวณที่มีหลอดเลือดและเส้นประสาทฟัน ส่วนที่เป็นลักษณะเรียวต่อจากคอฟันมีลักษณะคล้ายขาเรียกว่ารากฟัน ( Root) รากฟันฝังอยู่ในช่องกระดูกขากรรไกรมีเนื้อเยื่อเกี่ยวพันและสารซีเมนตัม( Cementum)หุ้มอยู่ 3.
14 ภาพทวารหนัก( Anus) 2. อวัยวะที่ช่วยย่อยอาหารแต่ไม่ใช่ทางเดินอาหาร ได้แก่ ตับ ถุงน้ำดี ตับอ่อน 2. 1 ตับ ( Liver) และถุงน้ำดี ( Gallbladder) ตับ ( Liver) ทำหน้าที่สร้างน้ำดีส่งให้ถุงเก็บน้ำดี ภาพที่ 3. 15 แสดงตำแหน่งตับ ถุงน้ำดี ( Gallbladder) เป็นที่เก็บน้ำดีที่สร้างจากตับ น้ำดีมีสีเหลืองปนเขียวรสขม มีฤทธิ์เป็นเบส ถุงน้ำดีทำหน้าที่สะสมน้ำดี ทำให้น้ำดีเข้มข้น และขับน้ำดีเข้าสู่ลำไส้เล็กส่วนต้น ภาพที่ 3. 16 แสดงตำแหน่งถุงน้ำดี ท่อน้ำดี และตำแหน่งที่น้ำดีเข้าสู่ลำไส้เล็ก 2. 2 ตับอ่อน ( Pancreas) ตับอ่อนมีรูปร่างคล้ายใบไม้ อยู่บริเวณส่วนใต้ของกระเพาะอาหาร ทำหน้าที่สร้างเอนไซม์ ดังนี้ ทริปซิโนเจน ไคโมทริปซิโนเจน โพรคาร์บอกซิเพปทิเดส ส่งไปยังลำไส้เล็ก อะไมเลส ย่อยคาร์โบไฮเดรต ไลเพส ย่อยไขมัน สร้างโซเดียมไฮโดรเจนคาร์บอเนต ( NaHCO 3) ซึ่งมีฤทธิ์เป็นเบส เพื่อลดความเป็นกรดจากกระเพาะอาหาร ภาพที่ 3. 17 ภาพแสดงตับอ่อนและบริเวณที่ตับอ่อนปล่อยสารลงสู่ลำไส้เล็ก ที่มา: 3. การดูดซึมสารอาหาร ( Absorption) การดูดซึมสารอาหาร หมายถึง การที่สารอาหารถูกย่อยสลายจนมีโมเลกุลมีขนาดเล็กลง เช่นกลูโคส กรดอะมิโน แล้วถูกส่งจากผนังทางเดินอาหารเข้าสู่ระบบหมุนเวียนเลือด เพื่อนำอาหารเหล่าน้ำไปเลี้ยงส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย ส่วนกรดไขมันและกลีเซอรอล จะดูดซึมเข้าสู่หลอด น้ำเหลืองฝอย การดูดซึมแบ่งออกเป็นส่วน ๆ ตามอวัยวะทางเดินอาหารดังนี้ ปาก คอหอย หลอดอาหาร มีการดูดซึมน้อยมากจนไม่ถือว่ามีการดูดซึม 3.
พีรพล เวทีกูล ภาควิชาวิศวกรรมคอมพิวเตอร์ คณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โดยประสานผ่านอีเมล หรือผ่านทางเว็บไซต์ ส่วนคนทั่วไปที่ต้องการเข้ารับบริการด้วยนวัตกรรมระบบตรวจความผิดปกติในทางเดินอาหาร (DeepGI) เพื่อป้องกันโรคมะเร็งทางเดินอาหาร สามารถนัดหมายเพื่อขอรับบริการได้ที่ ศูนย์ความเป็นเลิศทางการแพทย์ด้านการส่องกล้องระบบทางเดินอาหาร โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย อาคารภูมิสิริมังคลานุสรณ์ ชั้น 10 โซน A หมายเลขโทรศัพท์ 0-2256-4000 ต่อ 81001-2
10 โครงสร้างของกระเพาะอาหารซึ่งแบ่งออกเป็น 4 ส่วน และโครงสร้างของผนังกระเพาะอาหารของคน การหลั่งเอนไซม์ในกระเพาะอาหารถูกควบคุมโดยระบบประสาทและฮอร์โมนแกสตริน ซึ่งมีขั้นตอนดังนี้ ฮอร์โมนแกสตรินกระตุ้นให้หลั่งเพปซิโนเจน( Pepsinogen) และโพรเรนนิน( Prorennin) กระเพาะอาหารจะหลั่งกรดเกลือ เปลี่ยนเพปซิโนเจนและโพรเรนนินให้เป็นเพปซินและเรนนิน ซึ่งเพปซินและเรนนินจะย่อยโมเลกุลของโปรตีนให้มีขนาดโมเลกุลเล็กลงเพื่อส่งต่อไปยังดูโอดีนัม 1. 5 ลำไส้เล็ก ( Small intestine) อาหารที่ย่อยแล้วบางส่วนและยังไม่ย่อยเคลื่อนที่ผ่านกล้ามเนื้อหูรูดของกระเพาะอาหารเข้าสู่ลำไส้เล็ก ลำไส้เล็กมีลักษณะเป็นท่อยาวประมาณ 6 – 7 เมตร กว้าง 2. 5 เซนติเมตร ขดอยู่ในช่องท้อง แบ่งออกเป็น 3 ส่วน ส่วนต้นเรียก ดูโอดีนัม( Duodenum) ยาวประมาณ 25 เซนติเมตร ส่วนถัดไป เรียกว่า เจจูนัม( Jejunum) ยาวประมาณ 2. 50 เมตร ส่วนท้ายเรียก ไอเลียม( Ileum) ยาวประมาณ 4 เมตร ภาพที่ 3. 11 แสดงส่วนต่าง ๆ ของลำไส้เล็ก ที่มา: เซลล์ผนังของลำไส้เล็กมีการผลิตเอนไซม์ ดังนี้ อะมิโนเพปทิเดส ไดเพปทิเดส ไตรเพปทิเดส ย่อยโปรตีน เอนเทอโรคิเนส เปลี่ยนทริปซิโนเจนให้เป็นทริปซิน ซูเครส แลกเทส มอลเทส ย่อยซูโครส แลกโทส และมอลโทส ตามลำดับ ไลเพส ย่อยไขมัน 1.
vestafamilies.com, 2024