HOW TO CREATE A POWERFUL STORYBOARD การเขียน Storyboard คือการเรียงลำดับภาพในความคิดออกมา ก่อนที่จะถ่ายจริง ซึ่งเขียนออกมาเป็นฉากเรียงลำดับ 1, 2, 3, …. ซึ่งทำให้เห็นภาพของเรื่องราวที่จะเล่า ปัญหาส่วนใหญ่ของคนที่จะเริ่มทำคือ ไม่รู้ว่าจะเริ่มจากตรงไหนมีองค์ประกอบอะไรที่ต้องใส่เข้าไปบ้าง ซึ่งวันนี้ Cotactic Media ได้มีเทคนิคการทำ Storyboard แบบพื้นฐานที่ทุกคนสามารถทำได้ และยังเหมือนมือโปรอีกด้วย *Note: ดาวน์โหลดฟรี!! Storyboard Template ท้ายบทความ 5 Tips and Trick to Make Powerful Storyboard 1.
คุณสามารถแบ่งปันประสบการณ์ของคุณในการออกแบบโฆษณาในความคิดเห็นผู้อ่านจะสนใจ
อ่านมาถึงตรงนี้ ผมคิดว่าทุกท่านคงพอจะเห็นความแตกต่างของงานเขียนทั้งสองแบบนี้แล้วใช่มั้ยครับ คราวนี้เราลองกลับมาถามตัวเองกันดูว่า ทุกวันนี้ เราใช้งานเขียนแบบไหนในการทำธุรกิจกันอยู่? Copywriting หรือ Content Writing? ถ้าถามผมว่าแบบไหนมันเวิร์คกว่ากัน?
ไม่ใช้คำวิชาการหรือศัพท์เทคนิคเกินความจำเป็น 7. ควรใช้คำที่เหมาะสมกับกาลเทศะและบุคคล ไม่ส่อเสียด ไม่ทับถมผู้อื่น 9. ไม่ใช้ภาษาโลดโผนและโฆษณาเกินความจริง เป็นการดูถูกสติปัญญาผู้รับสาร
ป. ป., หน้า 100-101) กล่าวถึงหลักการเขียนข้อความโฆษณา ไว้ดังนี้ 1. ต้องทำให้ผู้รับสารเกิดความสะดุดตา สะดุดใจ (attention) โดยอาจใช้คำพูด ถ้อยคำให้ผลกระทบในทันที ทำให้อยากจะฟังหรืออ่านข้อความต่อไป 2. เพื่อกระตุ้นความสนใจให้เกิดแก่ผู้รับสาร (interest) การทำงานโฆษณาจะต้องทำให ้ผู้รับสารเกิดความสนใจในสารทันที 3. เพื่อสร้างความปรารถนาให้เกิดขึ้นแก่ผู้รับสาร (desire) งานโฆษณาที่ดีต้องสามารถสร้างความรู้สึก ให้ผู้รับสารเกิดความต้องการที่จะใช้ผลิตภัณฑ์ เกิดความต้องการในการบริโภค 4. เพื่อให้เกิดการปฏิบัติ (action) งานโฆษณาต้องสามารถโน้มน้าวใจให้ผู้รับสารมีความรู้สึกคล้อยตาม จนเกิดการตัดสินใจซื้อสินค้า ข้อควรคำนึงในการใช้ภาษาเพื่อการโฆษณา มีดังนี้ 1. ใช้ภาษาสามัญ ง่าย ๆ สุภาพเข้าใจง่าย สละสลวยหนุ่มนวล ชวนสนใจ 2. ใช้ถ้อยคำภาษาที่ตรงความหมายที่ต้องการ สอดคล้องกับวัฒนธรรมของการใช้ภาษา 3. ใช้ถ้อยคำ ภาษาที่ถูกต้อง เหมาะสม ไม่ใช้ภาษาแสลง วิบัติ หรือคำต่ำกว่ามาตรฐาน 4. ใช้ภาษาให้ถูกต้องตามแบบแผน ไม่ใช้ถ้อยคำที่ตัด หรือย่อที่รู้กันเฉพาะกลุ่ม 5. ไม่ใช้คำที่มีความหมายกำกวม เข้าใจได้สองแง่สองมุม คำผวน คำภาษาตลาด 6.
เรียกร้องความสนใจ คือเลือกใช้ภาษาที่ง่าย สุภาพ กระตุ้นความรู้สึกของลูกค้า 2. ให้ความกระจ่างแก่ลูกค้า เป็นการใช้ภาษาที่ง่ายชัดเจนในการกล่าวถึงคุณภาพของสินค้าหรือบริการ 3. ให้ความมั่นใจ เป็นการอ้างอิงข้อมูลต่าง ๆ เพื่อให้ลูกค้าเกิดความมั่นใจ 4. ยั่วยุให้เกิดการตัดสินใจ เป็นการใช้ถ้อยคำให้ผู้บริโภคตัดสินใจซื้อสินค้าหรือบริการโดยเร็วที่สุด นอกจากนี้ สุภาวดี สุประดิษฐ์อาภรณ์ (2550, หน้า 17) กล่าวถึง การใช้ภาษาโฆษณาสรุปได้ดังนี้ 1. มีการใช้ประโยคที่สั้น กะทัดรัด ไม่ยาวหรือสั้นจนเกินไป ไม่ใช้คำพูดหรือข้อความ ฟุ่มเฟือยไม่จำเป็นแต่อ่านแล้วสามารถที่จะจับใจความ ได้ทันที 2. มีความชัดเจน ไม่กำกวมในข้อความโฆษณา คือใช้คำพูดที่ผู้รับสารอ่านหรือได้ยินแล้ว ปราศจากข้อสงสัย เพื่อที่จะสามารถตอบคำถามที่คาดว่าผู้รับสารต้องการที่จะทราบได้หลีกเลี่ยงการใช้คำพูด สำนวนโวหาร หรือข้อความ ที่กำกวมทำให้ตีความได้หลายทาง หรือสามารถที่จะตีความได้หลายทาง หรือสามารถที่จะ ตีความได้หลายความหมาย 3. ใช้ภาษาที่อ่าน หรือฟัง เข้าใจง่ายกับการบรรยายถึงสรรพคุณสินค้า อาจมีการใช้ สำนวนภาษาที่แตกต่างจากโครงสร้างในภาษาไทย กล่าวคือไม่ยึดติดกับหลักภาษาไทย มากจนเกินไปเพื่อให้เหมาะสมกับความต้องการของกลุ่มเป้าหมายที่แตกต่างกันใน อายุ อาชีพ และเพศ แต่ต้องคำนึงถึงว่าจะทำให้เกิดผลให้ผู้อ่านเข้าใจผิดหรือเกิดผลในทางลบได้ อย่ามุ่งแต่จะใช้ความแปลกใหม่ แต่เพียงอย่างเดียว ภาษาที่ใช้กันทั่วไปเป็นสิ่งที่ดีถ้านำมาใช้อย่างเหมาะสม เนื่องจากเป็นสิ่งที่คุ้นเคย กันเป็นอย่างดี แต่ต้องระวังไม่ให้ผู้รับสารรู้สึกว่าเป็นภาษาที่หยาบคาย สันทนี บุญโนทก, รักษ์ศิริ ชุณหพันธรักษ์ และสิริมา เชียงเชาว์ไว (ม.
และในการทำธุรกิจ เราควรใช้งานเขียนแบบไหน?
สร้าง # ใช้เอง แน่นอนว่าแม่ค้าออนไลน์สามารถใช้แฮชแท็ก เดียวกันกับที่คนอื่นใช้ แต่จะดีกว่าไหมถ้าลองสร้าง # ของร้านขึ้นมาเองบ้าง เพราะไม่ต้องไปแข่งกับใคร แถมยังทำให้ร้านเป็นที่รู้จักได้ง่ายขึ้นอีกด้วย โดยเฉพาะเมื่อลูกค้าหรือผู้ใช้ค้นหาแท็กที่มีชื่อของร้าน พวกเขาจะสามารถเห็นโฆษณานั้นๆ ที่ทางร้านโพสต์ได้ เชิงตอบข้อสงสัย ในการค้าขาย แทบจะเป็นไปไม่ได้เลยที่ลูกค้าจะเห็นด้วยไปเสียทุกอย่างจนไม่มีคำถาม ไม่มีข้อโต้แย้ง ดังนั้นเวลาทางร้านจะเขียนคำโฆษณาต้องทำความเข้าใจความคิดเห็นในลักษณะนี้ด้วย โดยอาจพิจารณาจาก ลูกค้าต้องการที่จะรู้อะไรเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์หรือบริการของร้าน? ซึ่งอาจจะเป็นในแง่ของราคา ความน่าเชื่อถือ หรือคุณภาพ หรือ อะไรที่จะทำให้ลูกค้าไม่สนใจซื้อสินค้าจากร้านหรือคลิกโฆษณา? หรือ อะไรที่เป็นอุปสรรคทำให้คนไม่อยากเป็นลูกค้าของร้าน? เมื่อได้คำตอบแล้วก็ถึงเวลารวบรวมข้อมูลเหล่านี้ลงในโฆษณา เพื่อตอบข้อสงสัยที่ลูกค้ามีอยู่ในใจ ช่วยลดการต่อต้านและส่งเสริมให้ผู้ใช้ตัดสินใจซื้อได้ บอก Value Proposition ให้ชัด ร้านนี้มีสินค้าหรือบริการอะไรที่แตกต่างที่ร้านอื่นไม่มี? นี่อาจเป็นหนึ่งในคำถามแรกๆ ของลูกค้า เมื่อเห็นโฆษณา ของทางร้าน "คุณค่าที่เป็นเอกลักษณ์ที่ทางร้านจะส่งมอบให้ลูกค้า" หรือ "Value Proposition" จึงเข้ามามีบทบาท ซึ่งอาจเป็นแค่หนึ่งประโยคหรือสองประโยคที่ระบุว่า อะไรทำให้ร้านของคุณแตกต่างจากคู่แข่ง โดยอ้างมาจากคุณสมบัติ วัสดุ หรือบางสิ่งบางอย่างที่เป็นเอกลักษณ์ของร้าน 8.
เสนอส่วนลด มีใครบ้างที่ไม่ต้องการข้อเสนอที่ดีหรืออะไรแบบฟรีๆ? คงมีไม่กี่รายหรือแทบไม่มีเลย นี่จึงเป็นสาเหตุที่ทำให้ผู้บริโภคถึง 92% พากันมองหาดีลต่างๆ เวลาซื้อของ ดังนั้น การเสนอส่วนลดจึงเป็นอีกหนึ่งกลยุทธ์ที่สามารถเปลี่ยนใจลูกค้าได้ เช่น การให้ส่วนลดเล็กๆ น้อยๆ 5% หรือ 10% ซึ่งไม่ได้กระทบกับทางร้านมากนัก ให้นำไปรวมไว้ในโฆษณา อ้างอิง: Post Views: 563
vestafamilies.com, 2024